เฉิด สุดารา (14 ธันวาคม พ.ศ. 2456 - 10 กันยายน พ.ศ. 2558) หรือรู้จักกันในชื่อ "มาสเตอร์ เฉิด สุดารา" (ม.เฉิด สุดารา) เป็นอดีตครูโรงเรียนอัสสัมชัญ ผู้ริเริ่มการแปรอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งใช้ครั้งแรก ในการแข่งขันฟุตบอลรุ่นกลางชิงชนะเลิศระหว่างทีมโรงเรียนอัสสัมชัญกับทีมโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ปี พ.ศ. 2485 จนต่อมาก็ได้มีการนำวิธีเชียร์นี้ไปใช้ ในการแข่งขันฟุตบอลประเพณี จตุรมิตรสามัคคี
มาสเตอร์เฉิด สุดารา เข้าศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญตั้งแต่ชั้นมูลจนจบ ม.8 มีหมายเลขประจำตัว 6035 หลังจากจบไป ก็ได้เข้ามาสอนอยู่ในโรงเรียนอัสสัมชัญ ด้วยความที่เป็นครูโรงเรียนอัสสัมชัญในระยะเวลาอันยาวนาน บวกกับเป็นครูที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับนักเรียนอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะด้านกีฬา ม.เฉิด เป็นโค้ชทีมบาสเกตบอลและทีมฟุตบอลของโรงเรียน จึงทำให้นักเรียนเก่าเป็นจำนวนมากรู้จักท่านดี จนเมื่อปี พ.ศ. 2508 ม.เฉิด ก็ได้ออกจากโรงเรียนอัสสัมชัญ และได้ก่อตั้งโรงเรียนสยามวิทยา ขึ้น โดยดำรงตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียน ถึงอย่างไรก็ตามปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้ก็ได้ยุติการสอนลงแล้ว
เมื่อการเชียร์แบบแปรอักษรได้เผยแพร่ออกไป ก็ได้ความนิยมมากขึ้น นอกเหนือจากโรงเรียนในเครือจตุรมิตร (โรงเรียนอัสสัมชัญ, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และ โรงเรียนเทพศิรินทร์) แล้ว ก็ได้มีการเผยแพร่ไปสู่ งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ซึ่งนำมาปรับใช้โดย รศ.ดร.สุรพล สุดารา บุตรชายของ ม.เฉิด สุดารา ซึ่งในขณะเป็นอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังมีอีกหลายงานฟุตบอล ที่นำระบบการเชียร์นี้เข้ามาใช้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการยกย่อง ม.เฉิด สุดารา ให้เป็น "บิดาแห่งการแปรอักษร"
ในปี พ.ศ. 2485 มีการแปรอักษรเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในการแข่งขันฟุตบอลรุ่นกลางชิงชนะเลิศระหว่างทีมโรงเรียนอัสสัมชัญกับทีมโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงแห่งสงคราม ผ้าหายากมาก เสื้อที่ใส่กันส่วนมากจึงมีอยู่ไม่กี่สี วันหนึ่ง มาสเตอร์ เฉิด สังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่ง แต่งตัวด้วยเสื้อสีฟ้านั่งกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ จึงเกิดความคิดว่า ถ้านำเอาคนที่แต่งตัวเหมือน ๆ กัน มานั่งเป็นกลุ่มและจัดให้เป็นสัญลักษณ์อะไรก็คงจะทำได้ เวลานั้นโรงเรียนอัสสัมชัญมีการแต่งกายของนักเรียนอยู่ 2 แบบ คือ พวกที่เป็น “ยุวชนทหาร” จะแต่งเครื่องแบบยุวชนทหาร ส่วนพวกที่ไม่เป็นยุวชนทหารก็จะแต่งตัวด้วย “เสื้อราชประแตนสีขาว” และใส่หมวกกะโล่สีขาวด้วย มาสเตอร์จึงได้จัดตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรก โดยนำเอานักเรียนที่แต่งสีขาวไปรวมกันไว้ตอนบนของอัฒจันทร์ก่อน แล้วนำนักเรียนลงมาทีละกลุ่ม ค่อย ๆ จัดให้นั่งเรียงกันขึ้นเป็นตัวอักษร “อสช” (อักษรย่อ โรงเรียนอัสสัมชัญ) แล้วจึงให้พวกแต่งยุวชนทหารเข้านั่งในที่ว่างให้เต็มจึงทำให้ออกมาเป็นตัวอักษร “อสช” ขึ้นมา
ในเวลาต่อมา ก็ยังไม่มีโรงเรียนอื่นจัดทำเรื่องการแปรอักษร เมื่อเครื่องแบบนักเรียนเปลี่ยนไปเป็นสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน การแปรอักษรจึงจัดโดยให้นักเรียนที่นั่งเป็นตัวอักษรใส่เสื้อยืดสีแดงสน และได้เริ่มมีการแปรอักษรมากกว่า 1 ตัว โดยทำเป็นตัวอักษร “AC และ อสช” ปี พ.ศ. 2489 มีการแข่งขันชิงชนะเลิศฟุตบอลรุ่นกลางระหว่าง โรงเรียนอัสสัมชัญ กับโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ตอนนั้นเสื้อยืดมีราคาแพงมาก โรงเรียนจึงได้จัดการแปรอักษรโดยใช้การใช้กระดาษสีแดงกลัดติดหน้าอกเสื้อนักเรียนนั่งเป็นตัวอักษร จึงทำให้ได้ตัวอักษรออกมาไม่สู้ชัดเจนนัก
วิวัฒนาการของการจัดตัวอักษรก้าวต่อไปอีก มาสเตอร์จัดให้มีการเคลื่อนไหวขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง โดยแปรอักษร “อสช” และ “ACC”เมื่อใกล้จะจบการแข่งขัน ยังได้มีการนำผู้นั่งเป็นตัวอักษรทั้งหมดขึ้นไปยังอัฒจันทร์ชั้นสูงสุด ส่วนผู้ที่นั่งเป็นสีพื้นนั้นก็เคลื่อนที่เข้ามานั่งจนเต็ม เมื่อถึงเวลาที่ก่อนจะจบการแข่งขัน ก็จะขยับเลื่อนออกเป็นช่วงแล้วให้ผู้ใส่เสื้อที่เป็นตัวอักษร วิ่งลงมาในช่วงที่แยกออกนั้นเป็นตัวอักษร “V”(Victory) โดยนำมาจากสัญลักษณ์ชูสองนิ้วที่ วินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีอังกฤษขณะนั้น ได้แสดงถึงชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาได้มีโรงเรียนอื่น ๆ เช่น โรงเรียนช่างกลปทุมวัน โรงเรียนศิริศาสตร์ ก็ได้จัดการแปรอักษรร่วมกัน
ปี พ.ศ. 2495 มีการแข่งขันชิงชนะเลิศฟุตบอลรุ่นเล็กระหว่างโรงเรียนอัสสัมชัญกับโรงเรียนช่างอากาศอำรุง มาสเตอร์ได้จัดการแปรอักษร โดยทำให้มีลักษณะเหมือนการเขียนตัวหนังสือ โดยให้นักเรียนที่นั่งเป็นตัวอักษรใส่เสื้อยืดสีแดง แต่เอาเสื้อนักเรียนสีขาวคลุมไว้ข้างนอก โดยปิดไม่ให้สีแดงลอดออกมา เทคนิคอยู่ที่การให้ใส่เสื้อสีขาวนั้นกลับจากหน้าไปหลัง ซึ่งนอกจากปิดได้มิดถึงคอแล้ว เวลาถอดเสื้อยังดึงออกได้ง่ายอีกด้วย เวลาเปิดตัวอักษร จะค่อย ๆ ถอดเสื้อข่าวออกไล่กันไปตามลักษณะการเขียนตัวอักษร ซึ่งจะทำให้ดูเหมือนการเขียนตัวอักษรเลยทีเดียว
การแปรอักษรเป็นลักษณะที่มีรูปประกอบนอกเหนือไปจากตัวหนังสือเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2496 โดยแข่งขันฟุตบอลชิงชนะเลิศรุ่นใหญ่ระหว่างโรงเรียนอัสสัมชัญกับโรงเรียนช่างกลปทุมวัน โดยโรงเรียนช่างกลฯ จัดเป็น “รูปเกียร์” และมีอักษร “ชก” อยู่ตรงกลาง ขณะที่โรงเรียนอัสสัมชัญจัดเป็นตัวอักษรโดยให้มีการเคลื่อนไหวแบบเขียนอยู่เช่นเดิม และการแปรอักษรในระดับโรงเรียนคงรูปแบบเดิม ๆ ต่อมาอีกเป็นเวลานาน